ในปัจจุบันพบว่าครอบครัวยุคใหม่ นิยมมีลูกน้อยลง อาจเป็นเพราะวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป แต่งงานช้าลง ซึ่งก็ส่งผลให้ครอบครัวที่กำลังมีลูกน้อย มีวิธีเลี้ยงลูกที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเช่นกัน
จากการสำรวจพบว่า ปัจจุบันเด็กไทยในวัยเตรียมอนุบาลและวัยอนุบาลมีความเสี่ยงต่อการมีพฤติกรรมที่มีความคล้ายกับอาการออทิสติกมากขึ้น หรือเรียกว่าภาวะ “ออทิสติกเทียม”
ออทิสติกเทียมนั้นไม่ใช่โรคที่เกิดจากพันธุกรรม หรือความผิดปกติของสมอง แต่เกิดจากการที่เด็ก ขาดการกระตุ้นในการสื่อสารสองทาง จึงส่งผลให้เกิดความผิดปกติด้านการพัฒนาการทางสังคม ซึ่งภาวะออทิสติกเทียมนั้นสามารถป้องกันและแก้ไขได้ถึงแม้ว่าภาวะออทิสติกเทียมจะไม่ได้รุนแรงถึงชีวิตแต่ก็ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเด็กๆ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรรู้เท่าทันและใส่ใจดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันไม่ให้ภาวะออทิสติกเทียมเกิดขึ้นกับลูกน้อยสุดที่รัก
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อโรคออทิสติกเทียม
สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม สภาพแวดล้อมที่ไม่มีการกระตุ้นทางภาษา สังคม และการเรียนรู้ ส่งผลต่อพัฒนาการด้านการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ การขาดโอกาสในการเรียนรู้ทักษะต่างๆ อาจนำไปสู่พฤติกรรมที่คล้ายกับโรคออทิสติก เช่น การแยกตัว ไม่สบตา และการสื่อสารที่จำกัด
ภาวะซึมเศร้าในเด็ก เด็กที่ประสบภาวะซึมเศร้าจะมีพฤติกรรมที่ถดถอย เช่น การแยกตัว ไม่สื่อสาร ไม่สนใจสิ่งรอบตัว อาการเหล่านี้อาจทำให้มีความเข้าใจผิดว่าเป็นโรคออทิสติก
PTSD (Post-traumatic stress disorder) หลังจากประสบเหตุการณ์รุนแรง เด็กอาจมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การหวาดกลัว ซึมเศร้า ไม่สื่อสาร การวินิจฉัยให้ถูกต้องสำคัญต่อการให้การดูแลรักษาที่เหมาะสม
ความบกพร่องทางสติปัญญา เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาอาจมีพฤติกรรมที่คล้ายกับโรคออทิสติก เช่น การสื่อสารที่จำกัด การเรียนรู้ช้า การแยกตัว
ปัญหาทางการได้ยินหรือการมองเห็น เด็กที่สูญเสียการได้ยินหรือการมองเห็นอาจมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากเด็กทั่วไป เช่น การไม่ตอบสนองต่อเสียงหรือภาพ การไม่สนใจสิ่งรอบตัว การวินิจฉัยที่ถูกต้องช่วยให้ผู้ปกครองและนักการศึกษาสามารถปรับวิธีการสื่อสารและการเรียนรู้ให้เหมาะสม
อาการของโรคออทิสติกเทียม
เด็กที่เป็นโรคออทิสติกเทียมจะมีอาการที่หลากหลาย และความรุนแรงของอาการก็แตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้ว เด็กที่มีอาการของโรคออทิสติกเทียม อาจมีอาการดังต่อไปนี้
ปัญหาทางด้านการสื่อสาร เช่น พูดช้า พูดน้อย ไม่ค่อยสบตา ไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบตัว
ปัญหาทางด้านการเข้าสังคม เช่น เล่นกับเด็กคนอื่นไม่เป็น ไม่สนใจเพื่อน ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
ปัญหาทางด้านพฤติกรรม เช่น ซ้ำซากจำเจ ยึดติดกับกิจวัตร ไม่ยืดหยุ่น ชอบเล่นของเล่นแบบเดิมซ้ำๆ
ปัญหาทางด้านการเรียนรู้ เช่น เรียนรู้ช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน มีปัญหาในการจดจำ
การรักษาโรคออทิสติกเทียม
การรักษาโรคออทิสติกเทียมมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้เด็กสามารถพัฒนาการทางด้านการสื่อสาร การเข้าสังคม พฤติกรรม และการเรียนรู้ให้ใกล้เคียงกับเด็กวัยเดียวกันมากที่สุด ได้แก่ การบำบัด การใช้ยา และการวินิจฉัยจากแพทย์
Ranchu ยินดีรับฟัง และพร้อมให้คำปรึกษา เพื่อให้คุณก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้